วันจันทร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เปลี่ยนงานฝีมือให้เป็นธุรกิจโกยเงิน

เปลี่ยนงานฝีมือให้เป็นธุรกิจโกยเงิน
     
     
     







 การผลิตงานฝีมือถือเป็นเอกลักษณ์และวัฒนธรรมการดำเนินชีวิตที่โดดเด่นมากของสังคมไทย ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะได้รับการปลูกฝังในเรื่องนี้ตั้งแต่ยังเด็ก บวกกับวัฒนธรรมวิถีการดำเนินชีวิตของคนไทยท้องถิ่นที่มักผลิตเสื้อผ้าและเครื่องมือใช้เอง จึงทำให้คนไทยส่วนใหญ่มีความเชี่ยวชาญในการทำงานฝีมือมากเป็นพิเศษ ซึ่งงานฝีมือที่ว่านี้จัดอยู่ในประเภทของการทำธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้อยู่พอสมควรถึงแม้มันจะไม่ได้เงินมากขนาดเป็นกอบเป็นกำแต่ก็มากพอที่เลี้ยงดูตนเองและคนในครอบครัวได้อย่างไม่ยากลำบากนัก จึงจัดเป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีความน่าสนใจมากสำหรับผู้ประกอบการที่ไม่ได้มีจุดเด่นและความได้เปรียบหลักของการทำธุรกิจอยู่ที่การมีเงินทุนแบบเป็นถังๆ

แต่อย่างที่กล่าวไปว่างานฝีมือคือสิ่งที่คนไทยทุกคนมีมุมหนึ่งของตนเองที่พอจะทำได้ การจะเปลี่ยนงานฝีมือให้เป็นธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจึงเป็นเรื่องที่ต้องใช้หลักการรวมถึงองค์ประกอบที่สำคัญในเรื่องต่างๆอยู่พอสมควร โดยองค์ประกอบสำคัญที่จะขาดเสียไม่ได้สำหรับการทำธุรกิจงานฝีมือให้ประสบความสำเร็จและทำกำไรในระดับที่น่าพอใจมีส่วนที่น่าสนใจดังต่อไปนี้


 

มีเอกลักษณ์โดดเด่นเป็นตัวนำ

 

 


สร้างสรรค์สินค้าให้มีเอกลักษณ์ติดตา ต้องใจ
ศิลปะงานฝีมือจะขายได้สิ่งสำคัญอันดับแรกๆ ที่ต้องคำนึงถึงก็คือเรื่องของเอกลักษณ์และความสวยงาม ซึ่งสองสิ่งนี้ต้องถือเป็นตัวนำอันดับหนึ่งเลยถ้าคิดจะทำธุรกิจประเภทนี้ให้ประสบความสำเร็จ เพราะสินค้างานฝีมือคุณค่าในตัวมันเองหลักๆจะอยู่ที่ความสวยงามไม่ใช่เรื่องของการนำไปใช้งานจริง ผู้บริโภคจะคำนึงถึงในข้อนี้มากที่สุดหากต้องการจะซื้อสินค้าที่เป็นงานฝีมือ ผู้ประกอบการจึงต้องมีการประยุกต์ในเรื่องของการออกแบบและสร้างสีสันลวดลายให้มากเข้าไว้ก่อน ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือร่มเชียงใหม่ที่ถือเป็นสินค้างานฝีมือที่สร้างรายได้เป็นจำนวนมากให้กับผู้ประกอบการและสมาชิกชมรมแม่บ้านในจังหวัดเชียงใหม่ โดยสาเหตุหลักที่สามารถขายสินค้าตัวนี้ได้เป็นจำนวนมากก็เนื่องมาจากความสวยงามของลวดลายบนตัวร่มที่สร้างความประทับใจให้กับผู้บริโภคจนนำไปสู่การตัดสินใจซื้อเพื่อนำไปใช้ตกแต่งบ้านและเป็นของฝากในที่สุด แต่เราจะไม่เคยเห็นผู้บริโภคซื้อร่มชนิดนี้เพื่อนำมากันแดดหรือกันฝนเลยเพราะมันผิดจุดประสงค์ที่ผู้บริโภคใช้ในการเลือกซื้อตั้งแต่แรก

 

 

คุณภาพคือสิ่งการันตียอดจำหน่าย

 

คุณภาพในทางความหมายของงานฝีมือนั่นก็คือความปราณีตนั่นเอง เนื่องจากอย่างที่กล่าวไปแล้วว่างานฝีมือกับคนไทยเป็นของคู่กันจึงทำให้คนไทยจำนวนมากมีมีพรสวรรค์ในเรื่องนี้มากเป็นพิเศษ การจะขายของจึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างสาหัสพอสมควรถ้างานฝีมือของผู้ประกอบการไม่เข้าขั้นดีจริงก็เป็นเรื่องยากที่จะดูดเงินจากกระเป๋าของผู้บริโภคให้เทมาทางผู้ประกอบการได้
ดังนั้นความปราณีตของชิ้นงานแต่ละชิ้นจึงมีความสำคัญมาก สมควรที่ผู้ประกอบการทุกคนจะต้องให้ควมสำคัญในสิ่งนี้ให้มากเป็นพิเศษ ด้วยการฝึกทักษะในเรื่องต่างๆที่เกี่ยวข้องและทำชิ้นงานแต่ละชิ้นให้ออกมาบรรจงและปราณีตแบบถึงขีดสุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการตกแต่งลวดลายให้สวยงาม การเดินเส้นด้ายและเย็บปักสำหรับพวกงานที่เกี่ยวกับหัตถศิลป์ ตัวอย่างเช่น งานศิลปะทุกชิ้นของศูนย์ศิลปาชีพบางไทร อาทิ ผลิตภัณฑ์จักสาน การทอผ้า เครื่องเบญจรงค์ ที่ต่างมีจุดเด่นที่ความปราณีตของชิ้นงานทุกชิ้น เป็นต้น



นำไปใช้งานได้จริง

 

 

ถ้ายิ่งทั้งสวยและใช้งานได้จริง ก็ยิ่งทำให้ขายง่ายขึ้น
ถึงแม้ว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่จะซื้อสินค้าประเภทงานฝีมือด้วยเหตุผลในเรื่องของความสวยงามเป็นหลักใหญ่ก็ตาม แต่ถ้าสินค้าของท่านสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ในชีวิตจริงมันจะเป็นตัวช่วยให้ผู้บริโภคสามารถตัดสินใจซื้อสินค้าของท่านด้วยระยะเวลาที่รวดมากยิ่งขึ้น เพราะปัจจุบันต้องยอมรับว่ามีผู้บริโภคอยู่เป็นจำนวนไม่น้อยที่มองงานฝีมือต้องเป็นอะไรที่มากกว่าความสวยงามโดยให้น้ำหนักเพิ่มไปที่ความสามารถในการใช้งานที่มีอยู่ ผู้ประกอบการจึงต้องพยายามดัดแปลงและเพิ่มความสามารถพิเศษในส่วนนี้ลงไปในตัวงานฝีมือของท่าน ตัวอย่างเช่น พัดในรูปแบบต่างๆ หรืองานสานประเภทกระเป๋าและรองเท้า เป็นต้น


 

การตรงต่อเวลาคือพื้นฐานของอนาคต

 

 

ธุรกิจงานฝีมือมักจะมีปัญหาค่อนข้างมากหากต้องทำงานโดยมีกรอบในเรื่องระยะเวลาเป็นตัวกำหนด เนื่องจากงานฝีมือจำเป็นต้องใช้ความละเอียดอ่อนบวกกับความปราณีตในการทำงานมากเป็นพิเศษ ผู้ประกอบการหลายคนจึงมักยึดเอาตัวเองเป็นเจ้านายทำงานตามอารมณ์และความพอใจเป็นหลักเปรียบตัวเองเหมือนกับศิลปินคนหนึ่ง ซึ่กหากผู้ประกอบการเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงและงานของท่านได้รับความนิยมเรื่องดังกล่าวก็คงไม่ส่งผลกระทบอะไรมากนัก แต่หากผู้ประกอบการไม่ใช่เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงแล้วละก็อย่าได้ริอาจทำตัวมีปัญหากับเวลาโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้ท่านขายงานฝีมือได้ยากขึ้น และไม่มีลูกค้าคนไหนพร้อมที่จะรอสินค้าจากท่านอีกต่างหาก ตัวอย่างที่พบเห็นได้บ่อยๆ คือ กลุ่มแม่บ้านที่มารับงานฝีมือเป็นชิ้นๆจากทางร้านมาทำซึ่งมักจะส่งงานช้าในช่วงแรกๆ จนเป็นผลให้ถูกหักเงินจากราคาเต็มในที่สุด


เครือข่ายตลาดทำให้ธุรกิจอยู่รอด

 

 

ต้องยอมรับว่าถึงแม้สินค้าที่เกี่ยวข้องกับงานฝีมือจะเป็นหนึ่งในสินค้าที่ขายดีและทำกำไรได้มากพอสมควรแต่มันไม่ใช่สินค้าที่สามารถขายได้ทุกวัน ถ้ายิ่งวันไหนผู้บริโภคมาเดินจับจ่ายใช้สอยบางตาด้วยแล้วมันก็แทบจะขายไม่ได้เลย ดังนั้นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ประกอบการที่คิดจะลงทุนอย่างจริงจังกับธุรกิจงานฝีมือก็ขอให้สำรวจตลาดที่จะมารับสินค้าของท่านเป็นประจำให้ดีเสียก่อน เพราะถึงแม้ตลาดเหล่านี้จะให้รับซื้อสินค้าของท่านในราคาที่ต่ำกว่าการขายด้วยตนเองที่ท้องตลาดแต่พวกเขามีความแน่นอนและเที่ยงตรงในการรับซื้อมาก อีกทั้งในหลายๆที่ยังมักมีการสั่งออร์เดอร์ให้มาส่งแบบเป็นประจำอีกด้วย ซึ่งบางครั้งผู้ประกอบการมิอาจจะหาทั้ง 3 สิ่งนี้ได้จากผู้บริโภคทั่วไป จึงจำเป็นที่ผู้ประกอบการจะต้องสร้างเครือข่ายตลาดที่จะมาคอยรองรับงานของท่านเองก่อนที่จะทำธุรกิจประเภทนี้อย่างจริงจัง

ธุรกิจงานฝีมือเป็นอะไรที่มีความน่าสนใจมากเพราะใช้เงินลงทุนไม่มาก อีกทั้งยังสามารถแสดงออกในเรื่องความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างเต็มที่ จึงเป็นธุรกิจที่มีความเหมาะสมสำหรับผู้ประกอบการที่อยากมีธุรกิจเล็กๆที่สามารถถักทอสานฝันของตนเองได้อย่างยิ่งใหญ่โดยอาศัยพรสวรรค์และพรแสวงของตนเป็นรากฐานของธุรกิจ
 

 



ที่มา  ::    http://incquity.com/


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น